โรคระบาด
ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ (H1N1) หรือไข้หวัดใหญ่ 2009
เริ่มพบเมื่อปี พ.ศ. 2552 หรือค.ศ. 2009 ที่ประเทศเม็กซิโกและสหรัฐอเมริกา ต่อมาได้แพร่ออกไปยังอีกหลายประเทศทั่วโลก ปัจจุบันได้กลายเป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล (Seasonal Influenza) ที่พบปะปนกับสายพันธุ์ต่างๆทั่วไป ซึ่งมักพบมากในช่วงฤดูหนาว
ความรู้เกี่ยวกับไข้หวัดใหญ่
เชื้อสาเหตุ
.............................................................................................................
เกิดจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ (Influenza virus) โดยเชื้อไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล
สามารถจำแนกออกเป็น 3 ชนิด ได้แก่ ชนิดเอ บี และซี โดยที่พบมากที่สุด
คือ ไข้หวัดใหญ่ ชนิดเอ (H1N1) (H3N2) รองลงมาได้แก่
ชนิด บี และซี
อาการป่วย
.............................................................................................................
- มักจะเกิดขึ้นทันทีทันใดด้วยอาการไข้สูง ตัวร้อน หนาว
ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อมาก โดยเฉพาะที่หลัง ต้นแขน ต้นขา ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย
เบื่ออาหาร คัดจมูก มีน้ำมูกใสๆ ไอแห้งๆ โดยในเด็กอาจพบอาการคลื่นไส้ อาเจียน
ท้องร่วงได้มากกว่าผู้ใหญ่ ส่วนอาการคัดจมูก จาม เจ็บคอ พบเป็นบางครั้งในไข้หวัดใหญ่
แต่จะพบในไข้หวัดมากกว่า
- ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอาการไม่รุนแรง
หายป่วยได้โดยไม่ต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล อาการจะทุเลาและหายป่วยภายใน 5
– 7 วัน แต่บางรายที่มีอาการปอดอักเสบ รุนแรง จะพบอาการหายใจเร็ว เหนื่อย
หอบ หายใจลำบาก ซึ่งอาจทำให้เสียชีวิตได้
............................................................................................................
- นอนหลับพักผ่อนมาก ๆ ในห้องที่อากาศถ่ายเทดี
ไม่ควรออกกำลังกาย
- ให้ดื่มน้ำเกลือแร่ น้ำผลไม้ มากๆ งดดื่มน้ำเย็น
- รักษาตามอาการ หากมีไข้ให้ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัว
หากไข้ไม่ลดให้รับประทานยาลดไข้ เช่นพาราเซตามอล ห้ามใช้ยาแอสไพริน
หากทานยาแล้วอาการไม่ดีขึ้น ภายใน 2 วัน
ควรรีบพบแพทย์
- พยายามรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม ไข่ ผัก
ผลไม้ เป็นต้น อ่านเพิ่มเติม